- ต้องเริ่มเรียนตั้งแต่ตอนไหน?
- แล้วถ้าไม่มีพื้นฐานเลยเริ่มตอนนี้ทันไหม?
- เรียนจบไปจะทำงานยังไง?
คำถามชวนปวดหัวเหล่านี้ คงเป็นคำถามยอดฮิตของใครหลายคนที่สนใจในสายงานครัว และอยากพัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นเชฟมืออาชีพ บางคนอาจจะรู้ตัวเร็วทำให้มีเวลาวางแผน ในขณะที่บางคนอาจจะพึ่งรู้ตัวว่าสนใจในสายอาชีพนี้ และอยากเริ่มเรียนทำอาหาร แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มตรงไหน บทความนี้จะมาพูดถึงสาระดีๆ ที่คงเป็นประโยชน์กับผู้ที่ชื่นชอบในการทำอาหารไม่มากก็น้อย
หากเรียนสายตรงจะได้เปรียบกว่า
ใครที่เคยหาข้อมูลมาบ้าง คงจะได้ยินมหาลัยที่มีชื่อเสียงในด้านการทำอาหาร เช่น ราชภัฎสวนดุสิต วิทยาลัยดุสิตธานี (เอกชน) มหาลัยรังสิต และอื่นๆ อีกมากมาย ระยะเวลาที่ใช้เรียนก็ไม่ต่างกับการเรียนในมหาลัยทั่วไปนัก หลักสูตรที่เรียนก็คงจะเข้มข้นกว่า เพราะต้องเรียนเจาะลึก ทั้งการทำอาหาร ไปถึงการบริหาร การทำบัญชี และหลักโภชนาการต่างๆ การเรียนส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 2 ภาษา ค่าเทอมไม่รวมกินค่ากินอยู่ก็เกินครึ่งแสนต่อเทอมแล้ว ในบางที่อาจจะทะลุไปถึงหลักแสนถึงสองแสน ขึ้นอยู่กับหลักสูตรและวัตถุดิบที่ใช้เรียน
แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าการเรียน 4 ปี ในมหาลัยก็ทำให้ผู้เรียนมีภาษีและคอนเนคชั่นที่ดีมากเมื่อเทียบกับเรียนระยะสั้น แต่สำหรับใครที่ติดปัญหาด้านค่าใช้จ่าย หรืออยากเรียนเสริม ก็สามารถมาเรียนเทคคอร์สเพิ่มทีหลังได้ตามสถาบันต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมาย เช่นที่ THCL Academy หลังเรียนจบหลักสูตร เราจะส่งผู้เรียนไปฝึกงานตามโรงแรม 4-5 ดาว ที่เราเป็นพาร์ทเนอร์อยู่ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การทำงานแบบเป็นระบบจริงๆ
ส่วนใครที่ไม่มีทุนทรัพย์ในการเรียน ก็คงต้องใช้ความพยายามที่มากกว่าคนทั่วไป เพราะต้องเริ่มต้นด้วยตัวเองอาจจะขอไปสมัครงานในตำแหน่งล่างสุดในครัว โดยต้องเตรียมใจไว้ก่อนว่างานที่ว่าอาจจะเป็นเด็กล้างจาน หรือหั่นผัก ไม่ใช่งานที่มีสิทธิยุ่งเกี่ยวกับการปรุงอาหาร ทั้งนี้ยังต้องใช้ความอดทนและเวลาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง พร้อมๆ กับมองหาโอกาสอยู่เสมอ
เป็นเชฟไม่ใช่แค่ทำอาหารเป็น
เพราะการจะเป็นเชฟได้ไม่ใช่เพียงแค่ทำอาหารอร่อยเท่านั้น แต่ผู้ทำต้องรู้จักวัตถุดิบเป็นอย่างดี ต้องมีทั้งหลักวิทยาศาตร์และศาสตร์ในการทำอาหาร ผู้เรียนจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องโภชนาการ รู้เรื่องรสชาติและเข้าใจวัตถุดิบอย่างลึกซึ้ง รู้จักดึงเอาจุดเด่นของรสชาติที่ซ่อนอยู่ในวัตถุดิบ และผสานทั้งหมดที่ว่าให้ชูรสของกันและกันให้ได้ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้อาหารออกมารสชาติดี
อยากมีค่าตัวสูง ต้องมีประสบการณ์
การเลื่อนตำแหน่งขึ้นอยู่กับอายุและประสบ -
การณ์การทำงาน โดยเชฟจะมีสองสายงาน คือสายโรงแรม และร้านอาหาร หากต้องการประสบ-
การณ์ก็ต้องเปลี่ยนที่ทำงานไปเรียนรู้การทำงานใหม่ๆ โดยเริ่มต้นอาจจะเป็นในประเทศไปจนถึงประเทศเพื่อนบ้าน และต่างประเทศที่อยู่ไกลออกไป ถือเป็นการเปิดโลกและบีบตัวเองให้ปรับตัว เราจะได้ทำงานกับคนต่างเชื้อชาติที่มีความหลากหลาย รวมถึงระบบครัวที่ต่างกันออกไป
ระบบในครัวของแต่ละที่ ไม่เหมือนกัน
แต่ละที่ก็จะมีธรรมเนียมหรือระบบไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่เชฟใหญ่หรือหัวหน้าเชฟในแต่ละที่ว่าเขามีการจัดการระบบในครัวแบบไหน งานในครัวก็เช่นกัน ทั้งในด้านอุปกรณ์และการทำงาน สิ่งที่เราทำได้คือเปิดรับเพื่อเรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ เมื่อเราได้เปลี่ยนที่ทำงานมากขึ้นก็จะทำให้มีความชำนาญและปรับตัวกับระบบครัวของแต่ละที่ ที่ไม่เหมือนกันได้ และยังได้เรียนรู้จุดเด่นของการบริหารงานครัวในแต่ละที่ เพื่อนำไปใช้ต่อยอดอีกด้วย
อาชีพนอกเหนือจากเชฟ
เมื่อสั่งสมประสบการณ์จนเต็มที่แล้วและรู้สึกอิ่มตัวในการเป็นเชฟตามโรงแรมหรือร้านอาหาร เราสามารถใช้สิ่งที่เราเรียนรู้มาทั้งหมด ออกมาเปิดโรงเรียนสอนทำอาหาร หรือร้านอาหารเป็นของตัวเองเองได้ เหมือนเรียนครั้งเดียวแต่สามารถใช้ต่อยอดได้ตลอดชีวิต แต่หากใครไม่อยากลงมือทำเอง สายงานที่ปรึกษาให้ร้านอาหาร หรือบริษัทผลิตอาหารก็น่าสนใจไม่น้อย หน้าที่หลักๆ ก็คือการเข้าไปดูแลเรื่องรสชาติอาหารและต้นทุนการผลิตต่างๆ รวมถึงคิดเมนูหรือเครื่องปรุงรสชาติใหม่ๆ เพื่อใช้ในการผลิต Produce ใหม่ๆ ต่อไป
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังสนใจเรียนทำอาหารไม่มากก็น้อย สำหรับใครที่อยากเรียนทำอาหาร หรือมีความสนใจในอาชีพเชฟแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง สามารถขอคำปรึกษากับเราได้ที่ โรงเรียนไทโฮเทล แอนด์ ครูซไลน์ ที่ เปิดสอนหลักสูตรผู้ประกอบอาหารไทยและอาหารตะวันตก "ด้วยค่าเรียน ที่ไม่แพงอย่างที่คิด" เรียนจบพร้อมส่งฝึกงานในโรงแรม 4-5 ดาว เข้าไปดูรายละเอียดและค่าเรียนได้ที่ THCL Academy
หากใครที่สนใจ THCL Academy เปิดสอนหลักสูตรสำหรับผู้ที่สนใจขึ้นไปทำงานบนเรือสำราญ สามารถดูรายเอียดหลักสูตร เพิ่มเติมได้ที่ 👉 www.thclacademy.com
หรือโทรสอบถาม 061 247 6464
Line @THCLacademy
หรือ Inbox มาที่เพจ THCL Academy